7 เหตุผลที่ไม่ควรเป็นแฟนกับเพื่อนร่วมงาน
#7เหตุผลที่ไม่ควรเป็นแฟนกับเพื่อนร่วมงาน
เข้าสู่เดือนแห่งความรักจะไม่พูดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆก็คงจะไม่ได้ และเมื่อพูดถึงเรื่องความรัก คู่รักหลายๆคู่ก็มีจุดเริ่มต้นของความรักมาจากความใกล้ชิด การได้ร่วมงานกันเป็นความใกล้ชิดอย่างหนึ่งที่จะทำให้พัฒนาไปเป็นความรักได้ ดังนั้นจากเพื่อนร่วมงานก็อาจกลายเป็นแฟนกันได้ในที่สุด
แต่คำที่ว่า “แรกรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน” เห็นจะเป็นคำที่อธิบายความรักได้เป็นอย่างดีคำหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเมื่อมีความรักคนส่วนมากก็จะไม่มีใครเผื่อใจไว้เจ็บหรือนึกถึงตอนที่เลิกกันว่าจะเป็นอย่างไร
ยิ่งการมีความรักกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในองค์กรเดียวกัน ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อองค์กรสักเท่าไหร่ และหลายๆองค์กรก็เล็งเห็นถึงปัญหาของพนักงานเป็นแฟนกันจนต้องตั้งกฎขึ้นมาห้าม ซึ่งแต่ละองค์กรก็มีเหตุผลในการห้ามพนักงานเป็นแฟนกันแตกต่างกันออกไป และนี่คือ “7 เหตุผล ที่ไม่ควรเป็นแฟนกับเพื่อนร่วมงาน”
1 เรื่องงานเรื่องส่วนตัวปนกันแน่นอน
มีผลการวิจัยบอกว่า 85% เรื่องความรักทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง นั่นเพราะการแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวอย่างสิ้นเชิงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ยังไงเรื่องส่วนตัวก็ส่งผลกับงานบ้างไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว ยิ่งกับเรื่องความรักที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจก็มีผลต่อการทำงานไปด้วย การมีแฟนในองค์กรเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เกิดผลดีต่องานสักเท่าไหร่
2 เบื่อกันง่ายเพราะอยู่ด้วยกันมากเกินไป
ลองคิดดูว่าตลอดเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง ที่ต้องอยู่ด้วยกัน(ในกรณีที่เป็นแฟนกันแล้วอยู่ด้วยกัน) แน่แหละว่าช่วงแรกๆต้องรู้สึกดีอยากจะตัวติดกันตลอดเวลา แต่นานวันเข้าก็ต้องมีเบื่อและจืดจางลงไป เพราะการอยู่ด้วยกันตลอดอาจสร้างความอึดอัดและไม่มีช่องว่างให้ได้คิดถึงกันเลย การที่จะมีแฟนเป็นคนในองค์กรเดียวกัน สิ่งที่ควรต้องทำคือเว้นระยะห่างให้อีกฝ่ายได้มีเวลาส่วนตัว มีพื้นที่ส่วนตัวของเขาบ้าง และเพื่อให้มีช่วงเวลาที่ได้คิดถึงกันบ้าง
3 ถูกจับผิดมากเป็นพิเศษ
การมีแฟนในที่ทำงานต้องกลายเป็นประเด็นในวงสนทนาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป และอย่าได้ทำอะไรผิดพลาดเชียวล่ะ เพราะมีอีกหลายคนจ้องจะจับผิดคุณอยู่ ความสัมพันธ์ของคุณจะถูกยกมาเป็นเหตุผลเวลาคุณทำอะไรผิดพลาด ทำให้การผิดพลาดของคุณกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้
4 ทำให้เสียการปกครองได้
การเป็นแฟนกันในองค์กร ยิ่งในฐานะหัวหน้ากับลูกน้องยิ่งแล้วใหญ่ ต่อให้ตัวเราเองไม่ได้ลำเอียงหรือเข้าข้างแฟนของเรา แต่คนอื่นๆก็คงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเราเข้าข้างแฟนเรา ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เป็นกลางและสูญเสียระบบการปกครองได้
5 ถ้าวันหนึ่งธุรกิจไม่ดีจะขาดรายได้พร้อมกันทั้งคู่
อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากสักนิด แต่ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีแบบนี้ ธุรกิจอะไรก็มีโอกาสเจ๊งได้ แล้วถ้าเรากับแฟนเราทำงานที่เดียวกันคงแย่แน่ ที่จู่ๆวันหนึ่งรายได้หลักของเราทั้งคู่หายไปพร้อมกัน หลายคนอาจบอกว่าถ้ารักกันก็จะก็สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันได้นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ใช่ว่าทุกคู่จะสามารถผ่านมันไปได้ เพราะรายได้ก็เป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต การที่ขาดรายได้พร้อมกันทั้งคู่คงเป็นเรื่องที่ทำให้ปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว
6 องค์กรจะขาดพนักงานพร้อมกันสองคน
ปัญหานี้เป็นผลกระทบกับองค์กรโดยตรง และองค์กรก็ไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะพนักงานที่เป็นแฟนกันมักจะลางานพร้อมกัน อย่างคนหนึ่งไม่สบายอีกคนก็ต้องไปเฝ้าไข้ ทำให้ในวันนั้นต้องขาดบุคลากรในการทำงานไปถึงสองคน และหากวันหนึ่งเกิดอยากจะลาออกก็มักจะลาออกพร้อมกันทั้งสองคน ทำให้องค์กรต้องวุ่นวายในการหาพนักงานใหม่และจัดการระบบต่างๆ นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายๆองค์กรต้องตั้งกฎห้ามพนักงานเป็นแฟนกันขึ้นมาด้วย
7 ถ้าเลิกกันร่วมงานกันลำบากแน่
น้อยคู่นักที่จะเลิกกันด้วยดีและยังร่วมงานกันได้ เพราะกว่า 80% ของคู่รักที่เลิกกันจะเลิกกันไม่ดีและต้องการที่จะตัดขาดจากกัน ไม่สามารถร่วมงานกันได้อีก ยิ่งถ้าเป็นคนในองค์กรเดียวกันต้องประสานงานกัน งานนี้พังทั้งงานทั้งความรู้สึกแน่นอน
ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ความรักก็ไมควรทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อันที่จริงการเป็นแฟนกันกับคนในองค์กรก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรือจะมีแต่ข้อเสียเสมอไป แต่ควรรู้กาลเทศะการวางตัว หรือกับบางองค์กรที่มีกฎห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน ทุกคนก็ควรเคารพกฎกติกาเพราะเราเลือกที่จะทำงานที่นั่นแล้วก็ควรทำอย่างดีที่สุด การรักกันเป็นแฟนกันก็ควรเป็นความรักที่ช่วยกันสร้างพลังบวกให้กัน ร่วมกันทำให้งานดียิ่งขึ้นถึงจะเรียกว่าเป็นความรักที่แท้จริง